วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2550

และต่อไปนี้ก็คือข้อแนะนำในเรื่องการกินอาหาร

1. พยายามกินไขมันให้น้อยๆ พุงมันจะได้ไม่ยื่น แต่อย่างดไปเลยซะทีเดียวนะครับ เพราะมันมีการวิจัยแล้วว่า การกินไขมันน้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ ของอาหารทั้งหมดในแต่ละวันเมื่อคิดเป็นแคลอรี่นั้น จะมีผลทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเพศชายเทสทอสเทอโรน (Testosterone) น้อยลง และเมื่อหลั่งออกมาน้อย กล้ามท้องมันก็จะขึ้นยาก เนื่องจากว่า เทสทอสเทอโรนก็คือตัวที่จะไปกระตุ้นให้มีการสังเคราะห์โปรตีน (จากกรดอะมิโนที่ได้จากการย่อยโปรตีนที่เรากินเข้าไป) แล้วทำให้กล้ามเนื้อเจริญเติบโตขึ้นนั่นเอง
2. ต้องกินโปรตีนให้มากสักหน่อย มันถึงจะมีกล้ามท้องขึ้นมาเป็นลูกๆ ซึ่งถ้าจะให้ดี ก็ควรกินให้ได้วันละประมาณ 1-2 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 ปอนด์ (1 กิโลกรัม เท่ากับ 2.2 ปอนด์) เหมือนอย่างที่พวกนักเพาะกายกินกัน
3. สำหรับคนที่อ้วนง่าย ก็ควรจะหัดกินแต่ละมื้อให้มันน้อยๆ แต่เพิ่มเป็นวันละหลายๆ มื้อ จนกระทั่งเคยชินและติดเป็นนิสัย เพราะตามปกติอาหารที่คนเรากินในแต่ละมื้อนั้น มันจะมีอยู่ส่วนหนึ่งที่ถูกเผาผลาญเพื่อให้พลังงานแก่ร่างกายทันที (ซึ่งคุณจะรู้สึกได้เลยว่า ตัวของคุณจะอุ่นขึ้น) และส่วนที่เหลือก็จะถูกนำไปเก็บไว้เป็นแหล่งพลังงานสำรอง เพื่อเอาไว้ใช้ในช่วงเวลาระหว่างมื้ออาหาร โดยที่โปรตีนจะถูกเผาผลาญมากที่สุด รองลงมาคือคาร์โบไฮเดรต และที่ถูกเผาผลาญน้อยที่สุดก็คือไขมัน ดังนั้น คุณจึงควรเปลี่ยนจากการกินวันละ 3 มื้อ อย่างที่คนทั่วไปกินกัน มาเป็นวันละ 5 -7 มื้อ โดยที่ปริมาณของอาหารในแต่ละวันยังคงเท่าเดิม และให้แต่ละมื้อห่างกันประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง ซึ่งในมื้อหนึ่งๆ ก็ควรจะประกอบด้วยโปรตีนมากๆ (ประมาณ 40 – 50 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนแคลอรีที่ได้จากอาหารในมื้อนั้นๆ) คาร์โบไฮเดรตพอสมควรหรือใกล้เคียงกับโปรตีน (ประมาณ 40 – 50 เปอร์เซ็นต์) และไขมันน้อยๆ
4. และเนื่องจากมีการวิจัยพบว่า เวลาที่ดีที่สุดในการกินคาร์โบไฮเดรต (ซึ่งจะต้องเป็นพวกธัญพืชอย่างเช่นข้าว ไม่ใช่น้ำตาล) ก็คือประมาณ 90 นาที ก่อนออกกำลังกาย (จะได้มีพลังงานเยอะๆ) กับอีกเวลาหนึ่งก็คือหลังจากที่ออกกำลังกายเสร็จแล้วประมาณ 30 นาที (เพื่อชดเชยพลังงานที่เสียไป) เพราะฉะนั้น คุณจึงควรเล่นกล้ามท้องหลังจากที่เสร็จประมาณ 90 นาที แล้วก็กินมื้อถัดไป หลังจากที่เล่นเสร็จประมาณ 30 นาที ด้วยครับ
5. งดขนมหวาน อย่างเช่น คุกกี้ ไอศกรีม โดนัต ฯลฯ กับน้ำอัดลมไปเลย ถ้าทำได้ เพราะถ้าระดับน้ำตาลในเลือดของคุณสูงขึ้น มันก็จะกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินมากขึ้น เพื่อเอากลูโคส (ซึ่งได้จากการย่อยน้ำตาล) ไปใช้ในเนื้อเยื่อต่างๆ ซึ่งอินซูลินนี้ก็จะไปยับยั้งไมให้มีการใช้พลังงานจากไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายของคุณด้วย และนี่เองก็คือสาเหตุที่ทำให้คุณอ้วนง่าย ถ้าชอบกินมัน
6. เลิกเข้าร้านฟาสต์ฟูดได้ยิ่งดี เพราะมันมีแต่ของที่จะทำให้พุงยื่น ไม่ว่าจะเป็น แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายส์ หรือว่าไก่ทอด
7. ควรกินไฟเบอร์หรือใยอาหาร ซึ่งมีอยู่ในผักและผลไม้เยอะๆ วันละประมาณ 35 – 40 กรัม นี่แหละกำลังเหมาะ เพราะมันไม่มีแคลอรี แต่ช่วยให้อิ่มท้อง
8. แต่โดยสรุปแล้ว จะต้องให้พลังงานที่คุณใช้ในแต่ละวัน มากกว่าพลังงานที่คุณได้รับจากอาหารในวันนั้นๆ มันถึงจะสามารถลดไขมันตรงหน้าท้องได้สำเร็จ ซึ่งก็มีอยู่หลายวิธีที่คุณสามารถทำได้ อย่างเช่น เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ ขุดดินปลูกต้นไม้เอง แทนที่จะจ้างคนมาจัดสวน หรืออะไรก็ได้ที่เป็นการใช้แรงงาน ส่วนการอดอาหารนั้น ห้ามทำเด็ดขาด เพราะเดี๋ยวกล้ามเนื้อตามตัวมันจะหายไปพร้อมกับไขมันด้วย

เว็บไซต์นี้ใช้หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาอังกฤษของราชบัณฑิตยสถาน (http://www.royin.go.th/)